วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จดหมายสมัครงาน



100/522 ถ.กรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง
เขตสะพานสูง  กทม.10250

23 กุมภาพันธ์ 2556

เรื่อง ขอสมัครงานตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด
เรียน ผู้จัดการฝ่ายบุคคล
สิ่งที่แนบมาด้วย                  1.ใบรับรองการศึกษา
                                            2.เอกสารประวัติย่อ
                                            3.รูปถ่าย

                ดิฉันได้ทราบจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่  20  กุมภาพันธ์  2556  ว่าทางบริษัทของท่านเปิดรับสมัครพนักงานตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด จำนวน 1 ตำแหน่ง ดิฉันมีความสนใจอย่างมาก จึงขอสมัครงานในตำแหน่งดังกล่าว โดยมีเหตุผลดังนี้
                ประการแรก บริษัทของท่านเป็นบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปทั้งในประเทศ และต่างประเทศในด้านการผลิต คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง
ประการที่สอง ดิฉันมีความสนใจในเรื่อง การดูแลความปลอดภัยในการทำงานของการปฏิบัติงาน การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสม
 ดิฉันมีความยินดี อย่างยิ่งหากท่านจะกรุณาพิจารณาเลือกดิฉันไว้สำหรับตำแหน่งนี้ ดิฉันมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าดิฉันจะสามารถปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดได้ดี พร้อมกันนี้ ดิฉันได้จัดส่งเอกสารต่างๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาของท่านแล้ว
  ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความกรุณาจากท่าน ให้เข้าพบเพื่ออธิบายให้รายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติม และขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งต่อความกรุณาของท่านมา ณ ที่นี้
ขอแสดงความนับถือ

                                                                          (นางสาววรรณรดา  ศิริพงศ์วัฒนา)

เหตุผลที่ชอบบทความของกลุ่ม 5

ถนอมดวงตาด้วยวิธีง่ายๆ

         ทำให้เรารู้วิธีการถนอมดวงตา เพราะ ดวงตาเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสทั้งห้า  รับหน้าที่หลักคือทำให้เรามองเห็นสิ่งที่อยู่รอบตัว  เราทุกคนมีดวงตาคนละสองดวงสำหรับใช้งานไปตลอดชีวิต  เราคงอยากใช้ดวงตาของเรามองเห็นได้ดีไปให้นานที่สุด  ดังนั้น การถนอมดวงตาเป็นสิ่งสำคัญมากที่ไม่อาจมองข้ามไปได้  





การบริหารเวลา

การบริหารเวลา

              การบริหารเวลาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาเหลือสำหรับการพักผ่อน และครอบครัวทำให้เครียดน้อยลง ควรทบทวนดูว่า ใช้เวลาแต่ละวันไปกับเรื่องอะไรบ้าง เพื่อการจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสม ทั้งการทำงาน สังสรรค์ ครอบครัว และการพักผ่อน ลองสังเกตเพื่อนร่วมงานที่บริหารเวลาได้ดี และลองทำตามดูอาจช่วยในการบริหาร เวลาของตัวเองได้

              
               ความยุติธรรมของโลกที่มีต่อมนุษย์ก็คือ เวลา  ทุกคนมีสิทธิที่จะใช้เวลาวันละ  24  ชั่วโมง  เท่าเทียมกัน จุดตั้งต้นของเราอาจจะพร้อมกัน  เช่น  เกิดปีเดียวกันจบระดับประถมศึกษา  มัธยมศึกษา  หรืออุดมศึกษาพร้อมกัน  แต่ทำไม่  อีก  5  ปี  10  ปี  ต่อมาจึงแตกต่างกัน  ไม่ว่าหน้าที่การงาน  หรือฐานะความเป็นอยู่  ถ้าเราไม่มัวโทษดิน  ฟ้า  หรือหาข้อแก้ตัวใดๆ  แล้วสิ่งหนึ่งซึ่งจะมอบด้วยสายตาเป็นธรรมก็คือความสามารถในการบริหารเวลาไม่เท่าเทียมกัน  เพราะฉะนั้น  ยิ่งเนิ่นนานไป  เท่าใด      ความห่างกันก็จะเพิ่มมากขึ้น

              การวางแผน คือ การเตรียมการล่วงหน้าสำหรับปฏิบัติงานอันใดอันหนึ่ง โดยมุ่งหมายจะให้เป็นแนวทางสำหรับบรรลุวัตถุประงค์ โดยคำนึงถึงความไม่แน่นอน และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมอย่างใดอย่างหนึ่ง
1.ทบทวนดูงานที่ได้รับมอบหมาย
2.ตัดสินใจในเรื่องวิธีปฏิบัติ
3.กำหนดโครงงานไว้เป็นข้อๆ
4.เขียนหรือบันทึกเรื่องต่างๆแนบรวมกัน

ข้อดีของความสำเร็จในการบริหารเวลา
1.ช่วยให้รู้จักใช้เวลาอย่างมีเหตุผล
2.ช่วยให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
3.ผ่อนคลายความเครียด
4.ได้รับผลสำเร็จของงานชัดเจนมากขึ้น



             การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราทุกคนควร จะมี ถ้าเราไม่รู้จักบริหารเวลาก็อาจจะทำให้เราพลาดที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป และเราควรที่จะวางแผนบริหารเวลาให้คุ้มค่า


วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หนทางสู่ความสำเร็จ ( บทความที่สนใจ )


                     

หนทางสู่ความสำเร็จ
     



ไม่มีใครนิยมชมชอบความ ล้มเหลวสักราย นอกจากหมดอาลัยตายอยากจริงๆ ทว่าเพิ่งขึ้นต้นเถลิงศกใหม่ทั้งที จะห่อเหี่ย ใจไปทำไม หากตกงานก็ให้มองในแง่ดีว่า อีกไม่นานเราจะได้งานทำ ตั้งมั่นอย่างนี้ สักวันจะสมความปรารถนา ไม่ได้ล้อเล่นนะ พูดจริงๆเหตุนี้ จึงขอหันมาเล่าเรื่อง The Winner's Guide to Success ผู้ชนะแนะวิธีสู่ความสำเร็จในนิตยสาร รีเดอร์'ส ไดเจ็ท ดีกว่าเพราะอย่านึกนะว่า ทุกคนจะประสบความสำเร็จกันง่ายๆ ทำความดียากกว่า สร้างความเลวซะอีก คนดีๆ จึงอยู่ในสังคมลำบากกว่าไงจ๊ะ ไมเคิล เจฟฟรีย์ อารัมภบทในเชิงถามว่า รู้ไหมว่า คนที่ประสบความสำเร็จคิดอย่างไร? หรืออะไรเป็นแรงผลักดันพวกเขา? ดังนั้น เพื่อที่จะได้คำตอบเหล่านี้ หนุ่มเจฟฟรีย์ จึงดิ้นรนไปสอบถามความคิดเห็น จากตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จ ในหลายสาขาอาชีพ แล้วนำมายำรวมกันกลายเป็นแรงจูงใจ 7 ประการดังนี้
1. บอกกับตัวเองว่า อนาคตขึ้นอยู่กับความคิด และการกระทำของคุณเอง ไม่ต้องไปรอให้ชะตากำหนดหรือฟ้าลิขิต และยิ่งจะดีขึ้นอีก ถ้าไม่ต้องไปฟังใคร โดยเฉพาะพวกที่ชอบดูถูกดูหมิ่นเราว่า ไม่มีทางทำอย่างนี้ได้หรืออย่างนั้นได้ ใครจะไปรู้จักเราจริง พวกนี้มีปากก็พูดได้ทุกอย่าง แต่ไม่จริงเสมอไปจำไว้เลย เว้นแต่ใจของคนฟังไม่เข้มแข็งพอ คุณก็จะเป็นอย่างที่เขาบอก
2. วางเป้าหมายให้ชีวิต เช่น จะทำงานอะไร หรือมีชีวิตคู่อย่างไร ใช้สติกำหนดไว้แต่เนิ่นๆ
3. เมื่อมีเป้าหมายก็ต้อง มีการวางแผน ทำอย่างไรถึงจะได้ดั่งใจ ขอเพียงอย่าเขียนแผนมั่วเป็นใช้ได้
4. อย่าจับเสือมือเปล่า หมายถึง ต้องยอมลงทุนบ้าง เพื่อให้ได้ความสำเร็จนั้นมา ยกตัวอย่าง หากอยากเป็นหมอหรืออะไรก็แล้วแต่ ควรลงแรงและลงสมอง ใส่ใจศึกษาหาความรู้ด้วย ถ้าอยู่เฉยๆ จะเอ็นทรานซ์ติด คณะที่เราชอบได้ไง เช่นเดียวกับถ้าไม่พยายามอะไรเลย ไม่ยอมเขียนจดหมายไปสมัครงาน แล้วบริษัทห้างร้านต่างๆ จะรู้ได้อย่างไรว่า มีคุณอยู่ในโลกหรือจะติดต่อกับคุณอย่างไร
5. ทำสิ่งใดก็ควรรู้จริงในสิ่งนั้น อย่ารู้แบบเป็ด เพราะคนที่คู่ควรกับความสำเร็จ ต้องฝึกฝนจนมีทักษะสุดยอด ในงานที่ทำถึงจะถูก
6. อย่าท้อถอยง่ายๆ บอกตั้งแต่ต้นแล้วไงว่า ของแบบนี้ทำได้ยาก ต้องเผื่อใจไว้ด้วย
7. อย่าชักช้า ลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจเสียแต่บัดนี้ หากโอ้เอ้คงได้หรอก ความสำเร็จน่ะ

 


เหตุผลที่ชอบ : เพราะว่าทำให้เรารู้วิธีที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต คนเราทุกคนเมื่อมีเป้าหมายก็ต้องมีการวางแผนแล้วจึงทำอย่างตั้งใจ เราควรมีความพยายามที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
ที่มา :  http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=524210&Ntype=128